Le coeuryuzu ร้านอาหารฝรั่งเศสในจังหวัดไอจิบนคาบสมุทรจิตะ เชฟวาตานาเบะ ไดซุเกะได้นำวัตถุดิบท้องถิ่นและวัฒนธรรมการหมักมารังสรรค์เมนูคอร์ส “โอมากาเสะ” ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งสามารถสัมผัสประสบการณ์การลิ้มลองได้เฉพาะที่โทโคนาเมะในจังหวัดไอจิ
2025.07.29เลอเกอร์ริวซุ (Le coeuryuzu) เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ตั้งอยู่ที่จังหวัดไอจิบนคาบสมุทรจิตะ ในทำเลที่สะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาทีจากสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์นาโกย่า (Chubu Centrair International Airport เรียกสั้น ๆ ว่า สนามบินเซ็นแทรร์หรือสนามบินนาโกย่า)

ร้านอาหารที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายมีระดับแห่งนี้ เปิดกิจการเมื่อปี 2017 โดยอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาและความรักในท้องถิ่นของเชฟวาตานาเบะ ไดซุเกะ ผู้ได้รับการยกย่องจากการมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ผ่านความร่วมมือกับผู้ผลิตในท้องถิ่น และส่งเสริมแนวคิด “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น” จึงได้รับรางวัล Culinary Masters Bronze Award จากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง
เชฟวาตานาเบะเกิดที่จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ปัจจุบันอาศัยอยู่บนคาบสมุทรจิตะ (Chita Peninsula) ซึ่งล้อมไปด้วยขุนเขาและท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์ การได้สัมผัสกับวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพสูง ทำให้ต่อมรับรสสามารถแยกแยะรสชาติที่ต่างกันในแต่ละท้องถิ่นได้โดยธรรมชาติ การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์จุดประกายให้เชฟหลงใหลในการทำอาหาร ได้ลองทำอาหารจากปลาที่จับเอง และในที่สุดก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพเชฟ

ร้าน Le coeuryuzu ตั้งอยู่ติดชายฝั่งอ่าวอิเซะ (Ise Bay) ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเชฟวาตานาเบะเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับธรรมชาติของคาบสมุทรจิตะก่อนรับประทานอาหารด้วย
เชฟวาตานาเบะเคยฝึกทำอาหารที่ร้านอาหารฝรั่งเศสเก่าแก่แห่งหนึ่งในนาโกย่า (Nagoya) สั่งสมประสบการณ์ผ่านการเรียนรู้ด้วยตัวเองในสถานที่จัดงานแต่งงานและร้านอาหารต่างๆ และพัฒนาสไตล์การทำอาหารเฉพาะตัวที่ผสานอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมเข้ากับองค์ประกอบของวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น
ปรัชญาการทำอาหารของเชฟมีรากฐานมาจากแนวคิด “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น” เชฟจะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมากที่สุดเท่าที่ทำได้ และมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทุกวันเพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหาร “ที่มีโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต” ซึ่งสัมผัสได้เฉพาะวันนั้นและช่วงเวลานั้นเท่านั้น
อีกหนึ่งความพิเศษของร้านอาหารแห่งนี้คือการปรุงอาหารต่อหน้าลูกค้าในครัวเปิดหลังเคาน์เตอร์บาร์
วัตถุดิบกว่า 90% ที่ใช้ล้วนเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล ซึ่งมาจากผู้ผลิตในท้องถิ่นที่เชฟวาตานาเบะได้สร้างความไว้วางใจมายาวนาน นอกจากนี้ แม้แต่ภาชนะตลอดจนของใช้บนโต๊ะอาหารก็ยังเป็นสินค้าสั่งทำพิเศษที่เชฟออกแบบร่วมกับช่างโทโคนาเมะยากิ (เครื่องปั้นดินเผาโทโคนาเมะ) ในท้องถิ่นโทโคนาเมะ (Tokoname) ทุกรายละเอียดล้วนมีกลิ่นอายของคาบสมุทรจิตะ
จังหวัดไอจิ (Aichi) โดยเฉพาะในพื้นที่ฮันดะ (Handa) และทาเคโทโยะโจ (Taketoyocho) เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางวัฒนธรรมการหมักที่สำคัญยิ่งของญี่ปุ่น เชฟวาตานาเบะได้นำวัฒนธรรมการหมักที่หยั่งรากลึกในท้องถิ่นนี้มาใช้อย่างเชี่ยวชาญ รังสรรค์เมนูอาหารที่ผสมผสานทั้งอาหารหมักของญี่ปุ่น อย่างทามาริโชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง) น้ำส้มสายชู และมิริน (เหล้าหวานสำหรับปรุงอาหาร) รวมทั้งวัตถุดิบประเภทหมักของตะวันตก เช่น โยเกิร์ตโฮมเมดและเนยโทโยฮาชิ (Toyohashi) เข้าด้วยกัน


เชฟวาตานาเบะเปิดร้าน Le coeuryuzu เมื่อปี 2017 ร่วมกับคุณคานะ ผู้เป็นภรรยา
ครั้งนี้ผู้เขียนมีโอกาสพูดคุยกับเชฟวาตานาเบะเกี่ยวกับวัฒนธรรมการหมัก และเบื้องหลังการนำวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์มาผสมผสานกับอาหารแต่ละจาน
แนวคิด "การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น" คืออะไร? ช่วยเล่าถึงเบื้องหลังแนวคิดนี้ และอาหารของเชฟสะท้อนแนวคิดนี้ออกมาในอาหารอย่างไร?
ผมคิดว่าความหมายที่แท้จริงของ "การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น" คือการนำทุกสิ่งที่หล่อเลี้ยงท้องถิ่นนี้ ทั้งน้ำ อากาศ ดิน และวัตถุดิบต่างๆ มารวมอยู่ในอาหารหนึ่งจาน ดังนั้นจึงทำให้เกิด "ความเข้ากันได้ของอาหาร" อย่างแท้จริงขึ้น ผมคิดว่าเสน่ห์ของอาหารอยู่ที่รสชาติเฉพาะท้องถิ่น และรู้สึกว่านี่เป็นการหวนคืนสู่ยุคสมัยที่เรากินวัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่นของเราเองกันเป็นเรื่องปกติ
ที่นี่มีกลิ่นอายของอากาศเปลี่ยนไปตามฤดูกาล กลิ่นอายของอากาศแต่ละฤดูกาลทำให้ผมหวนนึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก และอาหารที่กินในตอนนั้น บางครั้งผมก็นึกขึ้นได้ว่า “ใช่แล้ว ผมเคยกินปลาซันมะในฤดูนี้”
ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงอย่างมากกับฤดูกาลและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น

ส่วนใหญ่เชฟวาตานาเบะเรียนรู้การทำอาหารด้วยตนเอง และใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก แล้วสไตล์การทำอาหารของเชฟเป็นอย่างไร?
ถึงผมจะเรียนรู้และฝึกฝนเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม แต่ผมคิดว่าอาหารที่ผมทำเป็นอาหารคาบสมุทรจิตะ
เชฟเคยคิดที่จะนำเข้าวัตถุดิบแปลกๆ จากต่างประเทศหรือนอกคาบสมุทรจิตะมาทำอาหารหรือไม่?
ผมรู้สึกแบบนั้นเสมอ (หัวเราะ) แต่ทุกครั้งที่รู้สึกแบบนั้น ผมก็จะบอกตัวเองว่า “ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่เปิดร้านที่โตเกียวหรือฝรั่งเศสล่ะ?”
อาหารที่ผมอยากทำที่นี่คืออาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และสามารถลิ้มรสได้เฉพาะที่นี่ เมื่อคิดได้แบบนี้ ผมก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจากที่อื่นเลย
เพราะมีข้อจำกัดเรื่องวัตถุดิบ ทำให้การทำอาหารมีความหมายและจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนขึ้น ดังนั้นผมจึงอยากรักษาความหมายนี้ไว้ ในทางกลับกัน ถ้าผมใช้ทุกอย่างได้อย่างอิสระ ก็อาจตัดสินใจไม่ได้ว่าอยากทำอะไรจริงๆ ดังนั้น การมีข้อจำกัดจึงช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของผม
แต่ที่นี่มีวัตถุดิบให้เลือกหลากหลาย อีกทั้งคาบสมุทรจิตะก็อยู่ใกล้ทะเล ซึ่งว่ากันว่ามีสภาพแวดล้อมคล้ายกับอิตาลี พืชผักของอิตาลีอย่างมะกอกก็ปลูกได้ง่ายที่นี่ อาร์ติโชค (พืชที่มีถิ่นกำเนิดในยุโรป นิยมกินดอก มีรสชาติคล้ายถั่วต้มหรือมันต้ม) ในเมนูคืนนี้ก็ปลูกในฟาร์มของผมเองเช่นกัน แล้วปลาที่นี่ส่วนใหญ่ก็ถูกกว่าที่นาโกย่าเกือบครึ่ง เราโชคดีจริงๆ ครับ ที่มีวัตถุดิบหลากหลายและคุณภาพสูง นี่ก็คือเหตุผลที่ผมสามารถรังสรรค์เมนูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นนี้ได้
เชฟคิดว่าฮักโก (HAKKO) หรือการหมัก หมายถึงอะไร?
ผมคิดว่าวัฒนธรรมการหมักในญี่ปุ่น มี 2 แบบหลักๆ ที่แตกต่างกัน
แบบแรกคือวัฒนธรรมอาหารหมักซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่บริเวณภูเขา เพื่อถนอมอาหารและดำรงชีวิตในฤดูหนาวอันโหดร้าย ในพื้นที่เหล่านี้จะมีอาหารหมักหลากชนิด
อีกแบบคือวัฒนธรรมอาหารหมักซึ่งมีต้นกำเนิดในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือจังหวัดไอจิ เกิดจากแนวคิดที่อยากนำสินค้าไปขายที่เอโดะ (ปัจจุบันคือโตเกียว) เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงชีพ จุดเด่นของวัฒนธรรมอาหารหมักแบบนี้คือถึงไม่มีอาหารหมักเหล่านี้ก็ไม่เป็นไร แต่หากมีก็จะช่วยให้การทำอาหารและการใช้ชีวิตมีคุณค่าสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ตอนคิดเมนูของ Le coeuryuzu เชฟจะคิดไอเดียของอาหารก่อน หรือมองหาวัตถุดิบที่สร้างแรงบันดาลใจก่อน?
ทั้งสองแบบครับ อย่างบางครั้งผมอยากใช้ชิโระโชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่นชนิดหนึ่งหรือซีอิ้วขาวญี่ปุ่น) หรือผักพื้นบ้านในท้องถิ่น ผมก็จะคิดเมนูจากวัตถุดิบเหล่านั้น ในทางกลับกัน บางครั้งผมมีภาพเมนูในใจแล้ว ก็จะค่อยๆ เพิ่มเครื่องปรุงเฉพาะลงไปเพื่อให้เมนูนั่นสมบูรณ์
ช่วงวัยรุ่น ตอนที่ทำงานในนาโกย่าหรือเมืองใหญ่ๆ ผมมักคิดก่อนว่าจะทำอะไร แล้วค่อยหาวัตถุดิบที่เข้ากัน แต่ตอนนี้กลับตรงข้าม ผมจะเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลที่อร่อยที่สุดก่อน แล้วใช้เทคนิคพื้นฐานที่สุดในการปรุงเพื่อใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบนั้นให้ได้มากที่สุด ผมเริ่มเปลี่ยนวิธีการนี้ตอนอายุ 30 กว่าๆ ตอนนี้ 46 แล้ว สมัยก่อนผมทำอาหารออกมาหน้าตาสวย แต่กลับไม่ค่อยประทับใจใคร ตอนนี้ผมอยากทำอาหารที่ทั้งตัวเองและลูกค้าประทับใจ
ปัจจุบัน การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นบูมมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เชฟรู้สึกอย่างไร หากคนดังหรืออินฟลูเอนเซอร์โพสต์แนะนำอาหารของร้าน Le coeuryuzu แล้วกลายเป็นไวรัลขึ้นมา?
นั่นคงเป็นฝันร้ายที่สุดของผมเลยล่ะ! (หัวเราะ) ผมไม่อยากได้รับความสนใจมากนัก
แต่ผมอยากให้ผู้คนได้รู้จักเสน่ห์ของคาบสมุทรจิตะมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า วัฒนธรรม หรือประวัติศาสตร์ แล้วแวะมาเที่ยวกัน พูดง่ายๆ คือ ผมอยากให้ Le coeuryuzu มีบทบาทเป็นเหมือนศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว
ผมหวังว่าหลังรับประทานอาหารที่นี่แล้ว ผู้คนจะรู้สึกอยากรู้จักท้องถิ่นนี้มากขึ้น และคิดว่า “พรุ่งนี้ไปที่นั่นกัน” ผมอยากให้ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่เห็นคุณค่าของท้องถิ่นนี้ ไม่ว่าจะมาจากต่างประเทศหรืออยู่ในญี่ปุ่นก็ตาม
ผมไม่ได้สนใจเรื่องการมีชื่อเสียงหรือโด่งดังจากการลงหนังสือนำเที่ยวเท่าไหร่นัก ผมแค่อยากให้นักท่องเที่ยวคิดว่า “อยากกลับมาอีก และครั้งหน้าจะลองไปเที่ยวที่อื่นๆ บนคาบสมุทรจิตะด้วย”
แนะนำเมนูหนึ่งวันของ Le couleurs
ผู้เขียนไปเยือน Le couleurs ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อาหารที่จัดเสิร์ฟดูสดใหม่และเขียวสดราวกับใบไม้ผลิใหม่ เชฟวาตานาเบะกล่าวว่า เนื่องจากใช้วัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่นตามฤดูกาล บางครั้งอาหารจึงอาจมีสีน้ำตาลเป็นหลัก และอาจไม่มีสีสันเสมอไป อาหารแต่ละจานจะสัมผัสได้ถึงแนวคิด “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น” และ “ผลผลิตตามฤดูกาล” ของเชฟวาตานาเบะ การได้สัมผัสกับฤดูกาลผ่านรูปลักษณ์และรสชาติของอาหารถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาได้ยากจากที่อื่น

อาหารเรียกน้ำย่อย
เมนูมูสซูกินีนี้ ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ซึ่งปลูกในเมืองมินามิจิตะ (Minamachita) ใกล้กับเมืองโทโคนาเมะ เรามาเยือนที่นี่ในช่วงต้นฤดูร้อน ซึ่งอุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้น ดังนั้นเมื่อลิ้มรสคำแรก ความเย็นและกลิ่นหอมสดชื่นของซูกินีที่ผสานกัน ทำให้รู้สึกราวมีสายลมเย็นพัดผ่าน ยิ่งไปกว่านั้น วัตถุดิบที่ใช้ล้วนมาจากท้องถิ่น เนื้อสัมผัสและกลิ่นหอมของวัตถุดิบจึงเต็มไปด้วยความสดชื่นในทุกคำ

อาหารจานแรกที่ทำจากไข่
อาหารจานนี้ใช้ไข่จากไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวในท้องถิ่นโทโคนาเมะ ภายในเปลือกไข่เป็นไข่คนซึ่งปรุงด้วยน้ำซุปสาหร่ายเข้มข้น ราดซอสซาบายอนหรือซาบายอเน่ซึ่งมีรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู และโดดเด่นด้วยสไตล์การจัดเสิร์ฟ โดยเชฟจัดวางเปลือกไข่บนจานที่รองด้านล่างด้วยข้าวเจ็ดสี เพื่อสื่อถึงเรื่อง “การเลี้ยงไก่ด้วยข้าว” ผ่านอาหารจากนี้ จากความใส่ใจในการถ่ายทอด “เรื่องราว” ที่ซ่อนอยู่ในเมนูทุกจาน ทำให้สัมผัสได้ถึงความรักของเชฟที่มีต่อบ้านเกิด

อาหารจานที่ 2 จัดเสิร์ฟบนจานที่งามวิจิตรราวกับงานศิลป์
อาหารจานนี้ใช้ถั่วปากอ้าท้องถิ่นที่รับประทานสดได้ ชีสที่ทำจากนมโทโคนาเมะ และผงทามาริโชยุ ราดด้วยน้ำมันมะกอกซึ่งสลักจากมะกอกที่ปลูกในคาบสมุทรจิตะ ทามาริโชยุจากร้าน Nakasada Shoten ในทาเคโทโยะโจซึ่งอยู่ติดกับโทโคนาเมะ เมื่อนำมาทำเป็นผง ทำให้รสอูมามิล้ำลึกและกลิ่นหอมเข้มยิ่งขึ้น ช่วยดึงรสชาติของวัตถุดิบต่างๆ ในเมนูจานนี้ออกมา

อาหารจานที่ 3 ที่ผสมผสานสีสันของอาหารและจานได้อย่างงดงาม
อาหารจานนี้ใช้ปลาอาจิและหน่อไม้ฝรั่ง ตกแต่งด้วยมะนาวคาเวียร์หรือมะนาวนิ้วมือ (Finger Lime) และชิโอคาโบซุ (ส้มคาโบซุหมักเกลือ)
การสัมภาษณ์นี้ทำให้ได้เห็นมะนาวนิ้วมือเป็นครั้งแรก มะนาวนิ้วมือเป็นผลไม้ตระกูลส้มที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศออสเตรเลีย และเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยาก มะนาวชนิดนี้มีลักษณะยาวเรียวคล้ายนิ้วมือ เนื้อข้างในเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายไข่ปลาคาเวียร์ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "มะนาวคาเวียร์" จุดเด่นคือมีเนื้อสัมผัสเป็นเม็ดๆ และรสเปรี้ยวสดชื่น ช่วยเพิ่มสีสันด้านรสชาติให้กับอาหาร เชฟวาตานาเบะบังเอิญได้เห็นวัตถุดิบหายากนี้ในญี่ปุ่นบนอินสตาแกรม และพบว่าเกษตรกรที่เมืองโทโยฮาชิในจังหวัดไอจิเป็นผู้ปลูก เรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยซึ่งสะท้อนถึงความหลงใหลในอาหารของเชฟนี้ ช่างน่าประทับใจมาก

อาหารจานนี้เน้นผักที่ปลูกในฟาร์มของเชฟเอง
อาหารจานนี้ประกอบด้วยผักกาดโรเมนหรือผักกาดคอส อาร์ติโชคที่ปลูกในฟาร์มของเชฟเอง เท็มปุระต้นอ่อนกระเทียม รวมทั้งคาบุ (หัวผักกาดญี่ปุน มีลักษณะกลมเล็ก) สด ฮามาไดคอน (หัวไชเท้าป่าที่ขึ้นตามชายทะเลและริมแม่น้ำ หัวเล็กและเผ็ดกว่าหัวไชเท้าทั่วไป) และฮามาโบฟุ (ผักสมุนไพรชนิดหนึ่ง มักขึ้นตามชายหาด) ที่นำมาดองแบบตะวันตก ฮามาไดคอนและฮามาโบฟุนั้นเชฟเก็บเกี่ยวเองจากชายฝั่งโทโคนาเมะที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้อาหารจานนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างแท้จริง ซึ่งเชฟเก็บเกี่ยวเองโดยไม่ผ่านผู้ผลิต

อาหารจานหลักที่ทำจากเนื้อสัตว์
อาหารจานหลักคือไก่งวงรูเล็ตหรือไก่งวงม้วน (เมนูที่นำสะโพกไก่งวง กึ๋น ตับ และหัวใจม้วนเป็นแท่ง แล้วนำไปอบ) ราดด้วยซอสแกงกะหรี่ ซึ่งสามารถลิ้มรสไก่งวงหลายส่วนในคราวเดียว เพลิดเพลินกับหลากหลายเนื้อสัมผัส กลิ่นหอมของแกงกะหรี่ที่แปลกใหม่เข้ากับเนื้อไก่งวงที่ชุ่มมันได้อย่างลงตัวสุดๆ

ของหวาน
ของหวานจานนี้คือบูรามันเจะหรือบลังม็องเช่ร์ (Blanc manger แปลว่า อาหารสีขาว เป็นขนมฝรั่งเศสคล้ายพุดดิ้ง) รสเลมอนเมอร์เทิล เสิร์ฟพร้อมเยลลี่บ๊วยและไอศกรีมโยเกิร์ตโฮมเมด โรยด้วยคุกกี้และถั่วบด
บูรามันเจะที่สดชื่น เข้มข้น และครีมมี่ ผสานกับเยลลี่บ๊วยที่เพิ่มรสเปรี้ยวจัดให้กับไอศกรีมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ละองค์ประกอบในของหวานจานนี้เข้ากันได้อย่างลงตัว เป็นของหวานสมบูรณ์แบบไร้ที่ติอย่างแท้จริง ไม่เหมือนอะไรที่เคยลิ้มลองมาก่อนเลย

ชุดชงชาโทโคนาเมะยากิที่ผลิตในท้องถิ่นโทโคนาเมะ


ปิดท้ายคอร์สด้วยชาเขียวและของหวาน
Le coeuryuzu สร้างสรรค์และจัดเสิร์ฟอาหารเมนูใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำ สลับสับเปลี่ยนทุกวัน
แต่สิ่งเดียวที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ร้าน Le coeuryuzu คือเครปบอล ซึ่งทำโดยการใส่ชาเขียวมัทฉะจากเมืองนิชิโอะ (Nishio) ในไอจิลงไปในแป้งเครปแล้วนำไปอบ และชาเขียวเซ็นฉะที่ผลิตในท้องถิ่นโทโคนาเมะ เครปบอลที่ดูหรูหราแต่อบด้วยเครื่องทำทาโกะยากิที่มีอยู่ทั่วไปในบ้านชาวญี่ปุ่น กลับมีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มชุ่มลิ้นไม่เหมือนใคร เนื้อสัมผัสนี้ยังช่วยให้กลิ่นหอมของชาเขียวมัทฉะโดดเด่นยิ่งขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาเขียวเซ็นฉะและความหวานละมุนของใบชา ช่วยมอบช่วงเวลาอันอบอุ่นหัวใจและผ่อนคลายให้ เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารสุดประทับใจยิ่ง
Le coeuryuzu ได้สร้างสรรค์เมนูอาหารแปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง และของหวานเมนูนี้ก็สื่อถึง “การต้อนรับแบบญี่ปุ่นที่อบอุ่น” ซึ่งทางร้านให้ความสำคัญเสมอมา

ระหว่างมื้ออาหาร ทางร้านยังได้จัดเตรียมขนมปังโฮมเมดแสนอร่อยไว้ให้บริการด้วย ขนมปังที่คุณคานะ ผู้เป็นภรรยาอบนี้ ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นต่างๆ เช่น เนยจากโทโยฮาชิในจังหวัดไอจิ โยเกิร์ตโฮมเมด และแป้งสาลีของจังหวัดไอจิ ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นเนยมากแต่ก็ไม่เลี่ยน

อ่าวอิเซะยามพลบค่ำ ที่ทอดยาวอยู่เบื้องหลังร้าน Le coeuryuzu
บทส่งท้าย

ที่ Le coeuryuzu ลูกค้าจะได้ชมเชฟวาตานาเบะโชวฝีมือปรุงอาหารคอร์สโอมากาเสะ (ตามใจเชฟ) ตามแนววิถี locavore (วิถีการกินที่ยึดหลัก “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น”) ตรงหน้าในครัวเปิด วัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ล้วนคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากผู้ผลิตในท้องถิ่นที่เชฟไว้วางใจมายาวนาน หรือจากฟาร์มของเชฟเองและวัตถุดิบที่เชฟได้พบเจอระหว่างการเดินทางล่าสุด
อาหารที่ให้บริการจะแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง เป็นคอร์สอาหาร “ที่มีโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต” มีสีสันและจัดเสิร์ฟอย่างประณีตงดงาม แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงก็คือเชฟและคุณคานะ ผู้เป็นภรรยา ซึ่งทำงานประสานกันอย่างกลมกลืน เพื่อเสิร์ฟอาหารและมอบการบริการแบบญี่ปุ่นที่อบอุ่น ผ่านการสนทนาที่เป็นธรรมชาติ แก่ทั้งลูกค้าหน้าใหม่และลูกค้าประจำ
Le coeuryuzu (เชฟสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี จึงสบายใจได้) จะมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารอันน่าประทับใจและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งสามารถเพลิดเพลินได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น นี่ก็คือเสน่ห์ของ Le coeuryuzu และคาบสมุทรจิตะ
Le coeuryuzu เป็นร้านอาหารที่ให้บริการแบบต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น เนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด ดังนั้น ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าแต่เนิ่นได้ที่นี่ (สามารถเปลี่ยนภาษาได้ที่หน้าเพจ)
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง
หน้าเว็บไซต์นี้ใช้เครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติบางส่วน