language
ภาษาไทย

ทริปชิมอาหารอร่อย สัมผัสวัฒนธรรมการหมักของทะเลสาบบิวะ

ทริปชิมอาหารอร่อย สัมผัสวัฒนธรรมการหมักของทะเลสาบบิวะの画像

ทริปชิมอาหาร 2 วันรอบทะเลสาบบิวะ ตามรอยวัฒนธรรมการหมักต่างๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งจะได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นสุดโอชะและดื่มด่ำกับรสชาติอันล้ำลึก ตั้งแต่ฟุนะซูชิ (ซูชิโบราน) แสนอร่อยที่ว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดของซูชิในปัจจุบัน ไปจนถึงชีสและขนมหวาน

2025.10.29

ทริปเที่ยวทะเลสาบบิวะ - ศูนย์กลางวัฒนธรรมการหมัก

ทิวทัศน์ทะเลสาบบิวะจากเกาะจิคุบุ (Chikubu Island) เมืองนากาฮามะ 
Photo by Pixta

ทริปสัมผัสวัฒนธรรม HAKKO (อาหารหมัก) ของญี่ปุ่น เริ่มต้นจากริมทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) สามารถเดินทางจากนาโกย่า (Nagoya) มาได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟท้องถิ่น

ทะเลสาบบิวะซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งนี้ เป็นแหล่งน้ำและอาหารของผู้คนในพื้นที่โดยรอบมาช้านาน สภาพภูมิอากาศในท้องถิ่นนี้ยังเหมาะกับการหมัก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้วัฒนธรรมการหมักหยั่งรากในพื้นที่แห่งนี้ด้วย

หนึ่งในอาหารโด่งดังที่สุดคือ "นาเระซูชิ" อาหารพื้นเมืองที่ทำโดยการหมักปลาจากทะเลสาบบิวะกับข้าวสวยเป็นเวลานานหลายเดือน นาเระซูชิเกิดขึ้นเพื่อใช้ถนอมอาหารในยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีการแช่เย็น ว่ากันว่าอาหารหมักที่มีเอกลักษณ์นี้คือรากฐานของซูชิในปัจจุบัน

น้ำในทะเลสาบบิวะยังมีบทบาทสำคัญในการผลิตอาหารหมัก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น สาเก โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) มิโซะ (เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น) ชีสหมัก และผักดอง คืออาหารหมักซึ่งล้วนเป็นของขึ้นชื่อในท้องถิ่นของที่นี่ ความหลากหลายของอาหารหมักก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไปด้วย

สำหรับทริปชิมอาหาร 2 วันในครั้งนี้ จะพาเที่ยวชมเมืองต่างๆ บนชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบบิวะ แวะร้านอาหารและสถานที่ต่างๆ ที่คัดสรรอย่างดี เพื่่อลิ้มรสเมนูต่างๆ ที่ปรุงจากอาหารหมักดังกล่าว สัมผัสวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลาย และเรียนรู้เกี่ยวกับความลึกซึ้งของการหมักแบบญี่ปุ่น

โคริอัน (Korian): ลิ้มรสฟุนะซูชิสไตล์ฟิวชันที่ทันสมัย

สถานที่แรกที่แนะนำในทริปสัมผัสวัฒนธรรมอาหารของทะเลสาบบิวะนี้คือ Korian ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมซึ่งตั้งอยู่ในเมืองท่าไคซึ (Kaizu) ในเมืองทาคาชิมะ (Takashima)

Korian ให้บริการอาหารไคเซกิชั้นเลิศ ทางร้านได้สร้างสรรค์ฟุนะซูชิแบบดั้งเดิมให้เป็นสไตล์ฟิวชันให้ทันสมัย ฟุนะซูชิเป็นนาเระซูชิชนิดหนึ่งที่นำปลานิโกโรบุนะ (สายพันธุ์ปลาเฉพาะถิ่นของทะเลสาบบิวะ) จากทะเลสาบบิวะมาหมักกับเกลือและข้าวสวยนาน 2 ปี ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและมีเอกลักษณ์

คุณซาซากิ เค็นซุเกะ เจ้าของและหัวหน้าเชฟของ Korian เกิดในครอบครัวที่เปิดร้านอาหารฟุนะซูชิที่ชื่อ อุโอจิ (Uoji) ในไคซึมาหลายรุ่น ได้สืบทอดวิธีการดั้งเดิมพร้อมทั้งเผยแพร่วัฒนธรรมฟุนะซูชินี้ผ่านอาหารรสเลิศที่ได้รังสรรค์ขึ้น

เมื่อก้าวเข้าไปในร้านอาหาร สิ่งแรกที่สะดุดตาคือทิวทัศน์ของทะเลสาบบิวะอันงดงามที่มองผ่านหน้าต่างบานใหญ่ มีเพียงระเบียงเล็กๆ คั่นระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารและทะเลสาบ ให้รู้สึกราวกับกำลังรับประทานอาหารอยู่บนผืนน้ำ พื้นที่นี้ได้รับการออกแบบโดยน้องชายของหัวหน้าเชฟเอง

จากหน้าต่างบานใหญ่ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทะเลสาบที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละฤดูกาล ด้านนอกมีเสาไม้ของท่าเรือเดิมปักอยู่ในทะเล เป็นที่ให้เหล่านกกระสา นกนางนวล และเป็ดมาเกาะพัก ทิวทัศน์อันเงียบสงบที่กลมกลืนกับธรรมชาตินี้ คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์ล้ำค่าที่ได้สัมผัสเมื่อเข้าพักที่ Korian ซึ่งช่วยปลอบประโลมจิตใจของผู้มาเยือนทุกคนได้อย่างดีเยี่ยม

เมื่ออาหารแต่ละจานมาเสิร์ฟ เชฟจะอธิบายรายละเอียดความเป็นมาของอาหารจานนั้น และวัฒนธรรมอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของทะเลสาบบิวะ เช่น ปลานิโกโรบุนะจะวางไข่ในแม่น้ำที่ไหลลงสู่นาดำที่ใช้ปลูกข้าว รวมทั้งเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น "จริงๆ แล้วต้นกำเนิดของปลานิโกโรบุนะและข้าวมาจากนาเดียวกัน"

ตลอดมื้ออาหาร จะได้สัมผัสเสน่ห์ของฟุนะซูชิในหลากหลายรูปแบบ เริ่มต้นด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยคือฟุนะโนะโคซึเกะ (เนื้อปลาฟุนะคลุกไข่ปลา) ตามด้วยฟุนะซูชิแบบต้นตำรับ นอกจากนี้ยังสามารถลิ้มรสโคโซเดะซูชิ (ซูชิโรลชนิดหนึ่งที่ยาวบาง หน้าตัดของซูชิที่หั่นจะมีลักษณะคล้ายกิโมโนโคโซเดะ) ที่ทำจากปลาบิวะมาซุหรือบิวะเทราต์ และอาหารหลากหลายเมนูในจานเดียว รสเปรี้ยวจัดจ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของฟุนะซูชิได้มาจากข้าวหมัก ชวนให้นึกถึงนิฮงชุ (เหล้าญี่ปุ่น) และซาเกะคาซุ (กากสาเก) รับรองว่าต้องถูกใจหลายๆ คนแน่นอน

ส่วนเมนูจานอื่นๆ ก็แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และฝีมือการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของเชฟเช่นกัน พาสต้าราดซอสครีมที่ดูเหมือนชีสนั้น จริงๆ แล้วทำจากฟุนะซูชิ มีรสชาตินุ่มนวลละมุนลิ้น มอบสัมผัสและความรู้สึกใหม่ๆ ให้กับฟุนะซูชิ

จานปิดท้ายเป็นโอฉะซึเกะ (ข้าวราดน้ำชาร้อนหรือน้ำซุปแบบญี่ปุ่น) ที่จะได้ลิ้มรสน้ำซุปจากฟุนะซูชิ ดื่มด่ำกับรสชาติอันหลากหลายและความลึกล้ำของวัตถุดิบนี้อีกครั้ง

เมนูคอร์สนี้ไม่ได้มีแค่ฟุนะซูชิเท่านั้น แต่ยังมีปลาท้องถิ่นต่างๆ อย่างปลาบิวะมาซุและปลาอายุ รวมทั้งวัตถุดิบประเภทหมักอย่างโชยุที่ผลิตในท้องถิ่นด้วย ผู้ที่ชอบดื่ม ลองให้เชฟแนะนำเครื่องดื่มที่เข้ากับมื้ออาหาร เครื่องดื่มที่ลงตัวสักแก้วจะช่วยเสริมรสชาติอาหารและมอบมิติใหม่ให้กับต่อมรับรส

ข้อพึงระวัง Korian ให้บริการแบบจองล่วงหน้าเท่านั้น หากเดินทางมาจากต่างประเทศ สามารถใช้บริการจองพร้อมล่ามเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นได้

อุมิโนะซุโคเระ (Umi no Schole): ศูนย์การหมักเพื่อการสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ

Umi no Schole ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม 2021 ในโชเท็นไกหรือย่านการค้าใจกลางเมืองนากาฮามะ (Nakahama) เป็นศูนย์รวมอาหารหมักอันหลากหลายในพื้นที่ทะเลสาบบิวะ

จากแนวคิดการถ่ายทอดภูมิปัญญาวิถีชีวิตท้องถิ่นให้แก่ผู้มาเยือน ในอาคารจึงมีพื้นที่สัมผัสประสบการณ์จริงในการผลิต และมีการออกแบบแปลนที่ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสธรรมชาติและผู้ผลิตโดยตรง ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใจความเป็นมาและความคิดของผู้คนเกี่ยวกับอาหารหมักของญี่ปุ่น ผ่านการดู ชิม และสัมผัสอาหารจริงๆ รวมทั้งได้รับแรงบันดาลใจจากการเรียนรู้เรื่องราวอาหารหมักของญี่ปุ่นด้วย

Umi no Schole มีพื้นที่หลากหลายให้ได้เพลิดเพลิน มีร้านค้ากว้างขวางที่จำหน่ายสินค้าต่างๆ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ แฟชั่น ของใช้ในครัวเรือน และของโบราณ รวมทั้งคาเฟ่ขนาด 42 ที่นั่ง ให้บริการอาหารท้องถิ่นที่ทำจากชีสโฮมเมดและมิโซะ นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตชีสที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออริจินัลจากนมอิบุกิ (Ibuki Milk) อันเลื่องชื่อของจังหวัดชิกะ (Shiga) รวมถึงพื้นที่เวิร์กช็อปที่สามารถสัมผัสประสบการณ์การทำมิโซะและอาหารหมักต่างๆ ด้วย

ที่นี่ยังมีแกลเลอรี ร้านหนังสือ และโรงผลิตแฮปปีทาโร่ (HAPPYTARO CRAFT DORUROKU BREWERY SINCE 2022) ซึ่งผลิต CRAFT DOBUROKU (คราฟท์โดบุโรคุ เป็นสาเกพื้นบ้านที่ไม่ผ่านการกรองหรือกลั่นแยก) มิโซะ อามาซาเกะ (เหล้าหวาน) และอื่นๆ โดยใช้โคจิ (กล้าเชื้อโคจิหรือหัวเชื้อโคจิ ซึ่งได้จากการหมักหรือเพาะเชื้อราโคจิบนธัญพืชอย่างถั่วเหลืองหรือข้าวนึ่ง) โฮมเมด

เมื่อมาที่ Umi no Schole อันดับแรกขอแนะนำให้แวะคาเฟ่ก่อน ที่นี่มีเมนูต่างๆ ซึ่งใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อย่างแกงกะหรี่ญี่ปุ่น แซนด์วิช และขนมหวาน สามารถลิ้มลองชีสสูตรพิเศษที่ทางร้านทำเองได้ด้วย ทุกคำที่กัดจะสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมวัฒนธรรมการหมักของทะเลสาบบิวะ

หลังมื้ออาหาร ลองไปเดินเล่นสบายๆ ชมร้านค้าและแกลเลอรีต่างๆ และเลือกซื้อของฝากดู ขอแนะนำชีสโฮมเมดเป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่รสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ซึ่งหาไม่ได้จากที่อื่น ยังมีสินค้าพิเศษอย่างมิโซะฟรอมมาจ (Miso Fromage ชีสผสมมิโซะ) และฟรอมมาจถ่านไม้ไผ่ (Bamboo Charcoal Fromage) ชีสที่ด้านนอกเคลือบด้วยถ่านไม้ไผ่ ดูเผินๆ หน้าตาจะออกดำๆ แต่ด้านในกลับมีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่มดุจครีมชีส

อีกหนึ่งสิ่งที่แนะนำคือ CRAFT DOBUROKU ของ HAPPYTARO CRAFT DORUROKU BREWERY SINCE 2022 สาเกพื้นบ้านที่ใช้สมุนไพร ผลไม้ และเครื่องเทศมาสร้างสรรค์รสชาติอันเข้มข้นและมีเอกลักษณ์ มีให้เลือกหลายหลายชนิด ทั้งแบบมีแอลกอฮอล์ปริมาณต่างๆ ไปจนถึงอามาซาเกะที่ไร้แอลกอฮอล์ด้วย

หากต้องการดื่มด่ำกับอาหารและวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ขอแนะนำให้พักค้างที่นากาฮามะสักคืน ที่นี่มีทั้งโรงแรมที่สะดวกสบายและเรียวกังบรรยากาศเยี่ยมๆ หลายแห่งริมฝั่งทะเลสาบบิวะ

ในย่านการค้าใจกลางเมืองยังเต็มไปด้วยสถานที่ให้เพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสและงานหัตถกรรมในท้องถิ่น หนึ่งในสถานที่ที่ห้ามพลาดคือย่านคุโรคาเบะสแควร์ (Kurokabe Square) ที่นี่มีคุโรคาเบะกลาสช็อป (Kurokabe Glass Shop) สถานที่จำหน่ายงานหัตถกรรมเครื่องแก้วอันโด่งดัง ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารธนาคารเก่า สามารถชมและซื้อสินค้าต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ผลงานอันงดงามของช่างฝีมือชาวญี่ปุ่น ไปจนถึงผลงานศิลปะเครื่องแก้วหายากที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก

ฝั่งตรงข้ามคุโรคาเบะกลาสช็อป มีคาเฟ่ที่สามารถลิ้มรสไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟรสช็อกโกแลตเข้มข้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุโบคาเบะ (กำแพงสีดำ) ในสมัยที่ธนาคารยังเปิดให้บริการอยู่ ขอแนะนำพิพิธภัณฑ์นากาฮามะฮิคิยามะ (Nagahamashi Hikiyama Museum) ซึ่งจัดแสดงเทศกาลนากาฮามะฮิคิยามะ (Nagahama Hikiyama Festival เทศกาลที่เริ่มต้นขึ้นที่เมืองนากาฮามะในสมัยเอโดะ ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีรูปร่างขององค์การยูเนสโก) ที่จัดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี สามารถชมขบวนแห่และของตกแต่งเทศกาลอันงดงามอย่างใกล้ชิด พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของท้องถิ่น

เมืองฮิโกเนะ: เพลิดเพลินกับประวัติศาสตร์และทิวทัศน์อันงดงามตระการตา

เมืองฮิโกเนะ (Hikone) ตั้งอยู่ระหว่างนากาฮามะกับโอมิฮาจิมัง (Omihachiman) ซึ่งเป็นจุดหมายถัดไป เป็นที่รู้จักจากปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle) ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี สามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ และบทบาทสำคัญของทะเลสาบบิวะในสงครามต่างๆ ในยุคสมัยนั้น

ปราสาทฮิโกเนะเคยเป็นที่พำนักของตระกูลอิอิผู้มีอำนาจในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603 - 1868) ตระกูลอิอิเป็นตระกูลขุนนางที่รับใช้โทคุกาวะ อิเอยาซุ ซึ่งได้เข้าร่วมในสงครามเซคิกาฮาระ (ค.ศ. 1600) และมีบทบาทสำคัญทำให้โทคุกาวะ อิเอยาซุมีชัยชนะในสงครามและได้ขึ้นเป็นโชกุน จากนั้น สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อก็ยุติ เหตุการณ์นี้ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นด้วย

ปราสาทฮิโกเนะมีความโดดเด่นด้วยการออกแบบเชิงยุทธศาสตร์ อย่างกำแพงป้องกัน คูเมือง และฮาซามะ (ช่องเล็กๆ สำหรับยิงลูกธนู) ซึ่งผสานองค์ประกอบสำคัญของยุคกลางเข้ากับเทคนิคสมัยเอโดะ ว่ากันว่าวัสดุที่ใช้ก่อสร้างปราสาทฮิโกเนะส่วนใหญ่นำมาจากปราสาทหลังเก่า เช่น ปราสาทโอสึ (Otsu Castle) และปราสาทซาวายามะ (Sawayama Castle) อย่างในช่วงที่ปราสาทโอสึล่มสลาย วัสดุบางส่วนของปราสาทถูกขนย้ายข้ามทะเลสาบบิวะไปยังฮิโกเนะ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและขยายปราสาทหลังใหม่

ตระกูลอิอิไม่ได้เป็นเพียงตระกูลขุนนางที่ทรงอิทธิพลเท่านั้น แต่ยังเป็นตระกูลขุนนางที่ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมซึงชื่นชอบละครโนและพิธีชงชาด้วย มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างงดงามในสวนเก็นคิวเอ็น (Genkyuen Garden) สวนญี่ปุ่นอันกว้างใหญ่ที่อยู่ในปราสาทฮิโกเนะ

สามารถชื่นชมความงดงามของสวนแห่งนี้ในแต่ละฤดูกาลขณะเดินเล่นรอบสระน้ำกลางได้ ที่นี่ยังมีจุดถ่ายรูปปราสาทฮิโกเนะสวยๆ มากมาย ขอแนะนำให้ใช้เวลาเดินชมสวนสักพักอย่างน้อยก็ 1 ชั่วโมง

ลา คอลลิน่า โอมิฮาจิมัง (La Collina Omihachiman): เพลิดเพลินกับขนมหวาน และดื่มด่ำกับธรรมชาติ

La Collina Omihachiman เป็นร้านเรือธงของร้านทาเนยะ (Taneya) ร้านวากาชิ (ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม) ชื่อดังกับคลับฮาริเอะ (Club Harie) ร้านและแบรนด์ขนมตะวันตกที่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กบามคูเฮน เมื่อมาก้าวเข้าไปข้างใน จะรู้สึกราวกับได้เดินเข้าไปในบ้านแห่งเทพนิยาย

คอนเซ็ปต์ของที่นี่คือ "การเรียนรู้จากธรรมชาติ" หลังคาที่มีเอกลักษณ์ของร้านค้าหลักที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้านั้น กลมกลืนกับทุ่งนาโดยรอบและภูเขาที่อยู่ด้านหลัง ให้ทัศนียภาพที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

พื้นที่ภายในเต็มไปด้วยการออกแบบต่างๆ ที่แฝงความขี้เล่น ซึ่งมอบประสบการณ์แสนวิเศษให้เพลิดเพลินกับขนมหวานและธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน

ที่นี่มีขนมหวานหลากหลายชนิด ตั้งแต่วากาชิ (ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม) ตามฤดูกาล เค้กคาสเทลลา ไปจนถึงขนมหวานตะวันตกอย่างเค้กบามคูเฮน

สามารถลิ้มรสขนมหวานที่อบเสร็จใหม่ๆ ได้ที่คาเฟ่ของที่นี่ ขอแนะนำชุดเค้กทาเนยะคาสเตลลาอบเสร็จใหม่ (Freshly Baked Taneya Castella Set) ที่คาสเตลลาคาเฟ่ (Castella Cafe) เพลิดเพลินกับเนื้อสัมผัสนุ่มฟูของเค้กอบเสร็จใหม่ๆ และกลิ่นหอมๆ ของไข่

ที่นี่ไม่ได้มีแค่ขนมหวาน แต่ยังมีเมนูอาหารคาวด้วย เช่น ข้าวห่อไข่ซึ่งทำจากไข่ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำเค้กคาสเตลลา รับรองว่าอร่อยถูกใจแน่นอน

หนึ่งในเสน่ห์ของ La Collina คือการได้ชมขั้นตอนการทำขนมหวานอย่างใกล้ชิด ที่บามแฟคเตอรี่ (Baum Factory) สามารถชมฝีมือการอบเค้กบามคูเฮนของช่างผู้ชำนาญ สามารถซื้อหรือลิ้มรสเค้กบามคูเฮนอบเสร็จใหม่ได้ในคาเฟ่ที่อยู่ติดกัน

พื้นที่ตรงกลางของที่นี่มีนาข้าวและสวนซึ่งสามารถสัมผัสการเติบโตของข้าวและผักตามฤดูกาลได้ ขอแนะนำให้พักผ่อนที่นี่สักราว 2 - 3 ชั่วโมงเพื่อดื่มด่ำกับทิวทัศน์ธรรมชาติและลิ้มรสขนมหวานที่อบเสร็จใหม่ ทุกสิ่งที่สดและแปลกใหม่คือประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็ก

เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมอาหารหมักและทิวทัศน์อันสวยงามของจังหวัดชิกะ

เมื่อเสร็จสิ้นทริป 2 วันนี้แล้วจะสามารถเข้าใจเรื่องอาหารหมักอันหลากหลายชนิดและภูมิหลังทางวัฒนธรรมรอบทะเลสาบบิวะอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในยุคสมัยก่อนที่การใช้ตู้เย็นอย่างแพร่หลาย การหมักเป็นกระบวนการสำคัญซึ่งผู้คนท้องถิ่นใช้ ซึ่งไม่เพียงช่วยยืดอายุของวัตถุดิบเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มรสชาติของวัตถุดิบและอาหารอีกด้วย

การเดินทางเริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากนาโกย่าไปยังไมบาระ (Maibara) จากนั้นเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟท้องถิ่นที่มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่ทาคาชิมะ นี่คือจุดเริ่มต้นของทริปสุดพิเศษซึ่งจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอาหารหมักและทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบบิวะ

เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง

หน้าเว็บไซต์นี้ใช้เครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติบางส่วน